พรรคประชาภิวัฒน์
นโยบายเพื่อพระพุทธศาสนาเบื้องต้น
1. จัดให้มีวิชาเสริมหลักสูตรพระพุทธศาสนาที่สอดคล้องกับวัยในการศึกษาตั้งแต่ระดับอนุบาล ประถม มัธยม
2. จัดท าพระราชบัญญัติสนับสนุนพระภิกษุ สามเณร พุทธบริษัท ไปนมัสการสังเวชนียสถาน 4 ต าบล
3. ขับเคลื่อนนโยบายให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาของโลก
4. รักษาคุณสมบัติชาวพุทธของสังคมไทยคือ ยิ้มง่าย ให้อภัยคนง่าย ช่วยเหลือคนง่าย มีเมตตา รักปรารถนาดีต่อผู้อื่น ยืดหยุ่นไม่แตกหัก กตัญญู มีกริยามารยาท เคารพต่อผู้อื่น
5. พัฒนาประสิทธิภาพการบริหารกิจการคณะสงฆ์ให้ช่วยเหลือสังคมอย่างมีประสิทธิภาพ และทันสมัยโดยจัดให้มีส านักงานพระสังฆาธิการทุกระดับ
1) เจ้าคณะหน ปริญญาตรี 1, ธุรการ 1 2) เจ้าคณะภาค ปริญญาตรี 1, ธุรการ 1
3) เจ้าคณะจังหวัด ปริญญาตรี 2, ธุรการ 3 4) เจ้าคณะอ าเภอ ปริญญาตรี 1, ธุรการ 2
5) เจ้าคณะต าบล ธุรการ 2 6) ไวยาวัจกร จ้างคนที่ท าบัญชีเป็น 1 คน
โดยให้มีบุคลากรปฏิบัติงานประจ าตัวพระสังฆาธิการ และเครื่องมือเครื่องใช้ในสานักงานที่จาเป็น ในการบริหารและประสานงาน โดยมีโปรแกรมการบริหารองค์กรมาช่วยปฏิบัติงาน
6. จัดให้มีอาสาสมัครพระวินยาธิการเพื่อช่วยพระเจ้าคณะปกครองสงฆ์ตรวจสอบพระที่ไม่ถูกต้อง
ซึ่งอาสาสมัครดังกล่าวจะได้รับการอบรมให้มีความรู้เรื่องพระวินัยสงฆ์ จากมหาวิทยาลัยสงฆ์และสาขา
ทั่วประเทศ เสมือนกรณีข้าราชการทหารทุกระดับชั้น เมื่อต้องคดีต้องสอบสวนต่อหน้านายทหารพระ
ธรรมนูญเท่านั้น ไม่ใช่ใคร ๆ ต่างศาสนาก็ตรวจสอบร้องเรียนได้ (ตามที่ปรากฏในสื่อออนไลน์ในปัจจุบัน)
7. สนับสนุนให้จัดตั้งธนาคารพระพุทธศาสนา เพื่อช่วยบริหารการเงินของกิจการคณะสงฆ์และ
พุทธศาสนิกชนชาวพุทธที่มีวัตรปฏิบัติ สมบูรณ์ทั้งกาย วาจา ใจ โดยให้มี Social Credit วัดค่าคุณธรรม
ความดีงามแต่ละคน เป็นข้อมูลชี้วัดเครดิตในการท าธุรกรรมทางการเงินกับธนาคารพระพุทธศาสนา
8. จัดตั้งกองทุนปกป้องพระภิกษุสงฆ์ที่ต้องคดี (ให้ธนาคารพระพุทธศาสนาเป็นผู้บริหารกองทุน)
โดยให้ส านักพุทธท าข้อตกลงกับ ส านักงานต ารวจแห่งชาติ เมื่อพระสงฆ์ถูกแจ้งความต่อเจ้าพนักงานสอบสวน
จะต้องท าการสอบสวนต่อหน้านักกฎหมายที่ได้ท าข้อตกลงกับกองทุนปกป้องพระสงฆ์ เช่น
สมาคมทนายความ สภาทนายความหรือทนายอาสา ซึ่งมีรายชื่อประจ าทุกจังหวัดทั่วประเทศ
9. จัดให้มีกองทุนสนับสนุนพระภิกษุที่เรียนในระดับมัธยมศึกษาและมหาวิทยาลัยที่เรียนดี
แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ โดยใช้ธนาคารพุทธศาสนาเป็นหน่วยด าเนินการ
10. สนับสนุนให้มีศูนย์จ าหน่ายหนังสือและห้องสมุดในวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ และสถานที่ปฏิบัติ
ธรรมให้ทั่วถึง ในบ้านมีห้องพระ ในหมู่บ้านมีลานธรรม สาธารณะ ในโรงเรียน, บริษัท มีห้องสงบใจ
ฝึ กจิตใจ การปฏิบัติโครงการดังกล่าวข้างต้นสามารถใช้บริการทางการเงินกับธนาคารพระพุทธศาสนาได้
11. การขอจัดตั้งวัดต้องง่าย สะดวก รวดเร็ว ไม่จ าเป็นต้องมีโฉนด กรณีจัดตั้งในสถานที่ราชการ
อาจเป็นหนังสือยินยอมจากหน่วยงานต้นสังกัดที่ดูแลที่ดินนั้น ๆ ก็เพียงพอ เช่น กระทรวงมหาดไทย
ส.ป.ก. กรมป่าไม้ กรมอุทยาน กรมประชาสงเคราะห์ กรมธนารักษ์ ฯลฯ หากยุติด าเนินการก็คืนให้ต้น
สังกัดต่อไป
12. การพิจารณาขอวิสุงคามสีมา ต้องพิจารณาโดยรวดเร็วสะดวกเหมือนศาสนาอื่น เช่น
การตั้งมัสยิด แค่นายอ าเภอก็อนุมัติได้สะดวก
13. จัดให้มีหลักสูตรการอบรมพระหรือสามเณรที่เข้ามาบวช 7 วัน 15 วัน หรือ 1 เดือน
1 พรรษา ต้องให้สอดคล้องกับเวลาเนื้อหาโครงการในการพัฒนาตน
14. ยกเลิกการตรวจสอบผู้ขอบวชต้องตรวจสอบประวัติอาชญากรรมกับส านักงานต ารวจ
แห่งชาติซึ่งล่าช้ามากเกินภารกิจของผู้ประสงค์จะขอบวช ไม่เหมาะสมกับผู้ขอบวชระยะสั้น
15. การจัดการทรัพย์สินวัด ทั้งศาสนสมบัติกลางและศาสนสมบัติของวัด การบริหารจัดการต้อง
มีระเบียบปฏิบัติที่เป็นระบบแบบส านักงานทรัพย์สินฯ ทรัพย์สินรถไฟ ราชพัสดุ น ามาปรับปรุงให้
สอดคล้องกับพระวินัย ( ไม่สมควรให้ เจ้าหน้าที่ ทั้งส านักพุทธและกรรมการวัดพิจารณาข้อเท็จจริง
และเสนอให้พระผู้บริหารวินิจฉัยอนุมัติซึ่งไม่ใช่วิสัยของสงฆ์ ซึ่งท าให้ผู้เช่าหรือผู้เกี่ยวข้องกับ
การใช้ประโยชน์พื้นที่วัดไม่พอใจหรือมีทัศนคติที่ไม่ดีต่อพระสงฆ์ อาจเป็นเหตุก่อให้เกิดการบั่นทอน
ศรัทธาต่อพระสงฆ์ได้ ส าหรับประโยชน์ที่เกิดจากการบริหารทรัพย์สินดังกล่าวข้างต้น ให้เป็นสมบัติของ
วัด วัดสามารถบริหารจัดการให้เป็นประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาต่อไป)
นโยบายที่รอรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน
นโยบายด้านกลุ่มเปราะบาง
ได้แก่ (1) มิติด้านรายได้ (2) มิติด้านที่อยู่อาศัย (3) มิติด้านสุขภาพ (4) มิติด้านการศึกษา และ (5) มิติด้านการเข้าถึงบริการภาครัฐ
ในเบื้องต้นจากการคัดกรองข้อมูลในระดับต่าง ๆ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ประสบปัญหาด้านรายได้เป็นส่วนมาก เนื่องจากสมาชิกในครัวเรือนไม่สามารถหารายได้มาจุนเจือครอบครัว ตกงาน รายได้ต่อปีไม่ถึง 38,000บาท/ปี จึงมีความต้องการที่จะได้รับการสงเคราะห์เป็นสิ่งของสำหรับบุคคลที่ไม่สามารถพัฒนาได้ หรือ การฝึกอาชีพให้แก่บุคคลที่สามารถพัฒนาได้ ทั้งนี้ สามารถสรุปแบ่งประเด็นความต้องการของกลุ่มเปราะบาง ออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่
❖การพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบางระยะเร่งด่วน
กลุ่มเปราะบางมีความต้องการการช่วยเหลือในกรณีเร่งด่วนเพื่อใช้ในการดำรงชีวิตเบื้องต้นอาทิ เครื่องอุปโภคบริโภค เงินสงเคราะห์ช่วยเหลือต่าง ๆ (เงินอุดหนุน) และการเข้าถึงสิทธิ การเข้าถึงบริการต่าง ๆ ของหน่วยงานภาครัฐอย่างรวดเร็ว
❖การพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบางระยะกลาง
กลุ่มเปราะบางมีความต้องการในด้านของสภาพที่อยู่อาศัยที่ไม่เหมาะสม และการมีงานทำ หรือรายได้เสริม อาทิ การให้ความรู้ การฝึกอบรมทักษะอาชีพ การเข้าถึงโอกาส การเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มของชุมชน การเข้าถึงระบบ IT และการปรับสภาพแวดล้อมการปรับปรุงซ่อมแซมที่อยู่อาศัย เป็นต้น
❖การพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบางระยะยาว
กลุ่มเปราะบางมีความต้องการในด้านของที่อยู่อาศัยและการมีงานทำแบบยั่งยืนพร้อมทั้งการส่งเสริมด้านการศึกษา อาชีพการมีงานทำอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนสวัสดิการด้านสุขภาพต่าง ๆ การดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดเก็บข้อมูล รวมทั้งการดำเนินการในด้านต่าง ๆ ได้แก่การปรับปรุง/ซ่อมแชมที่อยู่อาศัย การมีที่ดินทำกิน การเป็นชุมชนสีเขียว (ปลอดภัย ไม่มีการขโมย) การมีพื้นที่สาธารณะ เป็นต้น
การบูรณาการ การให้ความช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางให้ครอบคลุมในทุกมิติแบบองค์รวม ได้แก่ ด้านรายได้ ด้านความเป็นอยู่ ด้านสุขภาพ ด้านการศึกษา และการเข้าถึงบริการภาค รัฐ เพื่อให้กลุ่มเปราะบางสามารถได้รับการช่วยเหลือ สามารถเข้าถึงสิทธิประโยชน์ตามกฎหมาย รวมทั้งพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบางและครอบครัวให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยดำเนินการเก็บข้อมูลในพื้นที่ โดยการลงเยี่ยมบ้านเพื่อสอบข้อเท็จจริง โดยมีการแบ่งพื้นที่รับผิดชอบแต่ละอำเภอ. เพื่อให้เกิดความเข้าใจในทิศทางเดียวกัน และดำเนินงานร่วมกันเพื่อสำรวจ รับฟัง สอบถาม ข้อเท็จจริง
จัดเก็บข้อมูลครัวเรือนเปราะบางที่ตกหล่น พร้อมทั้ง นำข้อมูล สภาพปัญหา และการคัดกรองกลุ่มเปราะบาง มาวิเคราะห์ และให้ความช่วยเหลือ ตามลำดับความเร่งด่วนของกลุ่มเปราะบางที่ต้องช่วยเหลือ แบ่งเป็น 3 ระยะ เพื่อให้ความช่วยเหลือให้เหมาะสมกับสภาพปัญหารายครัวเรือนในมิติต่าง ๆ การดำเนินการขับเคลื่อนการแก้ปัญหากลุ่มเปราะบาง ส่งผลต่อการเสริมสร้างกระบวนการเรียนรู้ การส่งเสริมหรือสนับสนุนให้ประชาชนกลุ่มเปราะบางปรับตัวให้สามารถพึ่งตนเองได้ เพื่อแก้ปัญหาความยากจนได้อย่างยั่งยืน
นโยบายในการให้ความช่วยเหลือคนพิการ
1.ด้านอาชีพคนพิการ เสนอให้มีการส่งเสริมการจ้างงานคนพิการเพิ่ม การส่งเสริมแสดงความสามารถคนพิการ ศูนย์ฝึกอาชีพ คนพิการ การจัดอบรมฝึกอาชีพ เพิ่มหลักสูตรทักษะเทคโนโลยีดิจิทัล การจัดหาตลาดส่งเสริมอาชีพและผลิตภัณฑ์คนพิการ การอบรมอาชีพคนพิการแนวใหม่ นำไอทีมาช่วยส่งเสริมให้สามารถทำงานที่บ้านได้ โดย AI เข้ามามีบทบาทการทำงานมากขึ้นให้เหมาะกับแต่ละความพิการ รวมถึงอาชีพจำหน่ายสลากคนพิการที่มีการปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์และรูปแบบสลากกินแบ่งตลอดเวลา จึงควรมีการจัดสรรให้คนพิการเข้าถึงได้ในทุกช่องทาง เนื่องจากเป็นอาชีพหลักที่คนพิการสามารถทำได้โดยไม่เป็นภาระของสังคม
2.ด้านสิ่งอำนวยสะดวก อาคาร สถานที่ เสนอให้มีการพัฒนาเป็นเมืองการเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกเข้าถึงได้ อย่างเท่าเทียม การตั้งคณะทำงานสิ่งอำนวยความสะดวก เร่งปรับปรุงแบบมาตรฐานสิ่งอำนวยความสะดวกเป็นแบบเดียวกัน และออกประกาศข้อบังคับนำไปใช้เพื่อให้เห็นผลเป็นรูปธรรม มีระบบรับเรื่องร้องเรียนเพื่อคนพิการในทุกหน่วยงาน
3.ด้านเทคโนโลยีนวัตกรรม เสนอให้สร้างแอปพลิเคชันและพัฒนาเว็บไซด์ที่เข้าถึงได้ทุกประเภทความพิการ เพื่ออำนวย ความสะดวกการดำรงชีวิตคนพิการในสถานการณ์ปัจจุบัน
4.ด้านการสวัสดิการสังคม ปัญหาการตกหล่นจากระบบ เสนอให้ การขึ้นทะเบียนคนพิการต้องครบถ้วนครอบคลุม ทุกความพิการ 9 ความพิการ และครบทุกพื้นที่ จัดตั้งกองทุนการออมแห่งชาติสำหรับคนพิการ
5.ด้านการแพทย์ เตรียมขับเคลื่อนกองทุนสุขภาพคนพิการ การสร้างช่องทางพิเศษเข้าถึงบริการการแพทย์คนพิการ
6.ด้านการศึกษา ปัญหาการเข้าถึงสิทธิด้านการศึกษาและคุณภาพการศึกษา เสนอให้จัดตั้งโรงเรียนคนพิการเฉพาะ ความพิการในทุกจังหวัด และมีครูเฉพาะทางครบถ้วนเพียงพอต่อความต้องการ รวมถึงส่งเสริมโรงเรียนเรียนรวมนักเรียนทั่วไปกับเด็กพิการ universal design for learning / inclusive school
- ถ้าท่านเห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาขอให้ท่านส่งต่อบุคคลที่ท่านรักด้วย
- สามารถเข้าร่วมกลุ่ม LINE Official ID: @238mtmgv
- เพิ่มเพื่อนได้โดยไปที่ “เพิ่มเพื่อน” แล้วค้นหา ID หรือสแกนคิวอาร์โค้ดนี้