วัดห้วยปลากั้ง

99สุดยอดพระเกจิ วันนี้จะขอนำเกียรติประวัติ ของพระอาจารย์ผู้เสียสละ พัฒนาจากวัดร้างที่ไร้ผู้คน สู่สถานธรรมที่ยิ่งใหญ่ ที่ใครๆก็เเวะเวียน มาชมความงดงาม ร่มเย็น สวยสมคำร่ำลือ ตามที่พระไพศาลประชาทร วิ. (พบโชค ติสฺสวํโส) วัดห้วยปลากั้ง จ.เชียงราย ท่านสร้างมา 

พระอธิการพบโชค ติสฺสวํโส เดิมชื่อพบโชค มาไพศาลกิจ

เกิดวันเสาร์ที่ 13 กรกฏาคม 2502 ที่บ้านตลาดสำรอง ต.พังตรุ อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี  โดยพระอาจารย์เป็นบุตรคนที่ 4 ของคุณพ่อเซ่ติด และคุณแม่ลิ้มฟ้า มาไพศาลกิจ มีพี่น้องร่วมอุทรเดียวกัน 6 คน

  ตั้งแต่วัยเยาว์จนเติบใหญ่พระอธิการพบโชคเวียนว่ายอยู่ในทางโลก ได้รู้ได้เห็นในความไม่เที่ยงแท้แน่นอน ทั้งสุข ทุกข์ และการเกิด แก่ เจ็บ ตาย จนทำให้รู้สึกเบื่อหน่ายและเกิดศรัทธาแรงกล้าในพระพุทธศาสนา จึงขออนุญาตบิดามารดากราบลาอุปสมบทเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์เมื่ออายุ 38 ปี

  ต่อมาในวันที่ 26 ตุลาคม 2540 ณ พัทธสีมาวัดบางกระวนาราม จ.ราชบุรี โดยมี พระครูบรรพตพัฒนคุณ เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า “ติสสะวังโส” แปลว่า ผู้อยู่ในตระกูลพระติสสะครั้นอุปสมบทเป็นพระภิกษุในบวรพระพุทธศาสนาแล้ว พระอาจารย์พบโชค ได้พำนักอยู่ที่วัดบางกระวนาราม จ.ราชบุรี เพื่อปรนนิบัติรับใช้พระอุปัชฌาย์ ศึกษาพระธรรมวินัย ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานและเล่าเรียนสรรพวิชาต่าง ๆ ด้วยความตั้งใจและมุ่งมั่นจนแตกฉาน เชี่ยวชาญพระกรรมฐานยิ่งนัก

  ก่อนที่พระอธิการพบโชค ได้กราบลาพระอุปัชฌาย์ของท่านเดินทางจาริกแสวงบุญไปทุกแห่งหน จนกระทั่งมีโอกาสเดินทางไปที่ จ.เชียงราย เห็นว่า ภูมิประเทศเป็นป่าเขาและเงียบสงบเหมาะกับการบำเพ็ญเพียรภาวนาสั่งสมบารมีธรรม จึงตัดสินใจไปพำนักที่วัดร่องธาร ต.ท่าสาย อ.เมือง จ.เชียงราย นานถึง พรรษา

  หลังจากนั้นพระอธิการพบโชค ทราบข่าวว่ามีวัดร้างเก่าแก่แห่งหนึ่ง (วัดห้วยปลากั้ง) ในพื้นที่ อ.เมือง จ.เชียงราย ด้วยความตั้งใจอันเป็นกุศลแรงกล้า ในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2548 พระอธิการพบโชคจึงย้ายไปพำนักและบูรณปฏิสังขรณ์วัดร้างให้กลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง ขณะนั้นท่านได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากคณะผู้ศรัทธาและลูกศิษย์หลายร้อยคน หลวงพ่อพบโชคได้ประชุมกับชาวบ้านในพื้นที่ พร้อมแนะนำตัว และรับปากว่าจะทำให้พระพุทธศาสนาเกิดขึ้นที่นี่

 ด้วยใจมุ่งมั่นรับใช้ต่อพระศาสนา หลวงพ่อพบโชค ติสสะวังโส จึงยอมทนเหน็ดเหนื่อยกับการรับแขกที่มามากมายไม่เว้นแต่ละวัน ญาติโยมผู้ศรัทธากระจายออกไปเรื่อยๆ หลายจังหวัด จนเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง แรกเริ่มนั้นท่านอาย  ที่ต้องทำหน้าที่เป็นพระหมอดู ทำให้หลายคนดูถูกดูแคลน ท้อใจหลายครั้งจะเลิกหลายหนแต่ก็ทนเพื่อให้สู่จุดหมายที่คิดไว้

  ท่านได้กล่าวว่า “การดูดวงเป็นเพียงเปลือกกระพี้ของศาสนาเท่านั้น ไม่ใช่แก่น แต่ตราบใดที่ต้นไม้ยังต้องมีเปลือกกระพี้หุ้มแก่นจึงเติบโต ศาสนาก็เช่นกัน

  ท่านได้ช่วยศิษย์มากหน้าหลายตาให้ได้ประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างมหัศจรรย์และด้วยความมีวินัยทางการเงิน ซื่อสัตย์ต่อศาสนา จากสำนักสงฆ์ห้วยปลากั้งที่มีเพียงศาลาเล็กๆ ก็เริ่มสร้างกุฏิเล็กๆ ให้พระอยู่ จาก1 เป็น 2 จนกระทั่งตอนนี้มากกว่าร้อยหลัง

   จากเดิมท่านมีชื่อเสียงด้านการดูดวงมาก ดูดวงวันละเป็นกว่าร้อยคน จนกระทั่ง คนเริ่มน้อยลงทำให้ท่านเริ่มมีเวลาในการปฏิบัติกิจทางศาสนามากขึ้น มีเวลาบำเพ็ญมากขึ้น วัดเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง จำได้ว่าวันแรกที่มาจำวัดนี้ นิมิตฝันเห็นบนดอยลูกนี้เป็นเจดีย์ขนาดใหญ่สูงมาก เป็นชั้นๆ มี 9 ชั้น สวยงามมาก เก็บความคิดนี้ไว้ในใจ จนกระทั่งมีวิศวกรจากกรุงเทพฯ มานั่งดูดวง

  ดูเสร็จเขาถามว่าจะสร้างอะไร ก็บอกว่าจะสร้างเจดีย์เป็นรูปสามเหลี่ยม แล้วเป็นชั้นๆ 9 ชั้น อีกวันต่อมามีคนถือรูปเจดีย์เป็นภาพสีแต่งโดยคอมพิวเตอร์กราฟฟิค ท่านเห็นแล้วขนลุกทั้งตัว เพราะนั้นคือภาพในนิมิต นอนฝันไปหลายเดือนอยากจะสร้างเจดีย์แบบนี้ให้คนกราบไหว้

  กระทั่งมีนักธุรกิจชาวไต้หวันขึ้นมาเที่ยววัดและดูดวง ได้สนทนากันจนถูกคอ เขาสนใจจะสนับสนุนการสร้างเจดีย์พร้อมเงินก้อนแรกจำนวนหนึ่งล้านบาท เริ่มตอกเสาเข็มวันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2550 โดยให้ชาวบ้านในชุมชนเป็นประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์

จากนั้นก็มีคณะศรัทธาญาติโยมเข้าร่วมทำบุญสร้างพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นภาพปัจจุบัน

  จนถึงตอนนี้ท่านก็ยังไม่หยุดที่จะสร้างสถานธรามเเห่งนี้ให้อานิสงน์กับชีวิตคนยากไร้ต่อ ไม่ว่าจะต้องเเลกด้วยความเหน็ดเหนื่อยเเค่ไหนก็ตาม

เเละสิ่งที่จะเกิดขึ้นเร็วๆนี้คือ โรงพยาบาล เพราะเป็นหนึ่งสิ่งสำคัญในการช่วยเหลือชีวิตคนทุกข์ โดยจะเป็นโรงพยาบาลทรงเรือยาว 108 เมตร สูง 7 ชั้น ใช้งบประมาณเบื้องต้น 30 ล้านบาท และคาดว่าทั้งหมดจะต้องใช้รวมกันประมาณ 400 ล้านบาท

  นอกจากนี้ พระไพศาลประชาทร วิ. (พบโชค ติสฺสวํโส) หรือ “หลวงพ่อพบโชค” เจ้าอาวาสวัดห้วยปลากั้ง อ.เมือง จ.เชียงราย กล่าวว่า วัดห้วยปลากั้งได้ดำเนินการโครงการต่างๆ เพื่อช่วยเหลือประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันกำลังดำเนินการอยู่ 6 โครงการ ได้แก่ 

  1.โครงการเฉลี่ยทุกข์เฉลี่ยสุข ด้วยการเชิญชวนผู้มีจิตศรัทธามาร่วมทำบุญด้วยการช่วยซื้อพืชผลทางการเกษตรแจกจ่ายให้กับประชาชน แจกข้าวสาร อาหารแห้งให้กับประชาชนที่ยากไร้ จ่ายค่ารักษาพยาบาลให้กับผู้ที่ไม่มีสิทธิ์ในการรักษาพยาบาล จัดมอบข้าวสารให้โรงเรียนในพื้นที่ภาคเหนือ กว่า 500 แห่ง 

  2.เข้าป่าล่าบุญ นำประชาชนที่มีอาการเจ็บป่วยที่อยู่บนดอยในพื้นที่ห่างไกลเข้ามารับการรักษาที่โรงพยาบาลประจำจังหวัด 

  3.พามนุษย์ขึ้นสวรรค์ เชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาไปสร้างศาสนวัตถุ ศาสนสถาน ในวัดต่างๆที่อยู่ในถิ่นทุรกันดาร เพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนา ซึ่งจากโครงการนี้ได้มีการสร้างพระธาตุเจดีย์ในพื้นที่ภาคเหนือไปแล้วกว่า 1,000 องค์ ทั้งยังมีการสร้างอุโบสถ ศาลาการเปรียญ เมรุ เป็นต้น 

  4.คืนคนดีสู่สังคม ให้ผู้ที่พ้นโทษจากเรือนจำมีอาชีพ มีรายได้ ให้มีที่ยืนในสังคม ด้วยการเปิดคาร์แคร์คืนคนดีสู่สังคม โดยนำผู้ที่พ้นโทษมาคอยให้บริการล้างรถยนต์ 

  5.โรงพยาบาลห้วยปลากั้งเพื่อสังคม เพื่อให้ความช่วยเหลือกลุ่มคนที่เข้าถึงระบบบริการสาธารณสุขได้ยาก เช่น ผู้ยากไร้ กลุ่มชายขอบ เป็นต้น ให้การตรวจรักษาโรคทั่วไป โดยไม่คิดค่าบริการ 

  6.แค่คิดก็ผิดแล้ว เปิดให้บริการร้านกาแฟ ร้านอาหาร คุณภาพดีแต่ราคาถูก ราคาเพียง 20 บาท จากพ่อครัว แม่ครัว ที่เป็นผู้ที่พ้นโทษแต่มีฝีมือในการทำอาหาร นอกจากนี้ยังมีในส่วนที่เปิดให้บริการฟรีด้วย เพื่อให้บริการผู้ที่มีรายได้น้อย รวมทั้งนักท่องเที่ยว

  พระไพศาลประชาทร วิ. กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้กำลังจะดำเนินการสร้างอุทยานธรรมพบโชคนานาชาติ เพื่อเป็นศูนย์รวมของพระพุทธศาสนาทุกนิกายมารวมไว้ที่อุทยานธรรมดังกล่าว ทั้งจะมีการสร้างองค์พระยูไลหน้าตัก 72 เมตร สูง 148 เมตร และภายในตัวองค์พระจะสร้างเป็นห้องสวดมนต์ให้กับผู้นับถือพระพุทธศาสนานิกายต่างๆ ด้วย ซึ่งขณะนี้ได้มีการร่างแบบโครงการการก่อสร้างอุทยานธรรมพบโชคนานาชาติแล้ว และจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างในเร็วๆนี้

 

ขอขอบคุณข้อมูล เพจข่าวอีจัน,เดลินิวออนไลน์  ข่าวโดย ไผ่ บ่อไร่

 

Visitors: 587,926