หยุดเวลาไว้ที่น่าน

หยุดเวลาไว้ที่น่าน(1)...ในช่วงเวลาใกล้เที่ยงของวันหนึ่ง นกแอร์สายการบินโลคอตส์ พาเราร่อนลงสู่สนามบินเล็กๆของเมืองน่าน อากาศช่วงนั้นกำลังเย็นสบายเพราะอยู่ในช่วงปลายฤดูฝน ภาระกิจที่คณะของเรามาเมืองน่านเพื่อชมการแข่งเรือยาวประจำปีในแม่น้ำน่านครับ ซึ่งจะมีแข่งขันในวันพรุ่งนี้ จุดขายของเมืองน่านคือวัด  และวิถีชีวิตของผู้คนที่อยู่แบบเรียบง่ายดั้งเดิม

โดยในตัวเมืองมีบ้านเก่าทรงโบราณแบบทางเหนือหลายหลัง ทำให้ดูว่าเป็นเมืองอนุรักษ์ มีวัฒนธรรมชัดเจนได้รับความสนใจของนักท่องเที่ยว ในตัวเมืองน่านวัดภูมินทร์ มีเอกลักษณ์โดดเด่นตั้งอยู่ใกล้กับพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน แค่เดินผ่านก็ทำให้หยุดชะงัก อยากเข้าไปรู้จักแล้ว เดิมชื่อ "วัดพรหมมินทร์" เป็นวัดที่แปลก มีโบสถ์และวิหารสร้างเป็นอาคารหลังเดียวกันประตูไม้ทั้งสี่ทิศ แกะสลักลวดลายโดยช่างฝีมือล้านนา นอกจากนี้ฝาผนังยังแสดงถึงชีวิตและ วัฒนธรรมของยุคสมัยที่ผ่านมาตามพงศาวดารของเมืองน่าน วัดภูมินทร์สร้างขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ. 2139 โดยพระเจ้าเจตบุตรพรหมมินทร์ เจ้าผู้ครอง เมืองน่าน จิตรกรรมฝาผนังในวิหารวัดนี้ คือ ภาพปู่ม่านย่าม่าน ซึ่งเป็นคำเรียกผู้ชายผู้หญิงชาวไทลื้อในสมัยโบราณกระซิบสนทนากัน ผู้ชายสักหมึก ผู้หญิงแต่งกายไทลื้อ  ได้รับการยกย่องว่าเป็นภาพงามเยี่ยมเลยครับ ได้ข่าวว่าช่วงหลังเทศบาลเมืองน่านได้จัดรถรางบริการฟรี ชมบรรยากาศรอบเมืองด้วย ในเมืองน่านเราพักที่โรงแรมน่านฟ้าครับ เป็นโรงแรมแบบออริจินัล ตกยุคเลยแหละ แต่คลาสสิคบอกถึงตัวตนของโรงแรมสมัยก่อน สร้างด้วยไม้สักทั้งหลัง มี 3 ชั้น นับมาถึงวันนี้อายุกว่า 90 ปี ยังมีความคงทนถาวรสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 7 ผู้ที่พักโรงแรมนี้เหมือนได้ย้อนรอยไปหาอดีตเมืองน่านซึ่งผู้ที่จะพักได้คือบรรดาพ่อเลี้ยง แม่เลี้ยงทางเหนือ ซึ่งมาทำธุรกิจค้าไม้และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่มาตรวจราชการเมืองน่าน ช่วงเช้าเราออกจากโรงแรมน่านฟ้านั่งสามล้อไปชมตลาดเช้าเมืองน่านซื้ออาหารพื้นเมืองมานั่งกินเล่นพร้อมด้วยน้ำเต้าหู้รสจืดๆตลาดมีผู้คนโหรงเหรง ของที่ขายก็เป็นพืชผักหมูเห็ดเป็ดไก่เช่นตลาดทั่วไป พอสายๆเราไปหาเพื่อนเก่าเปิดร้านกาแฟ มีหนังสือให้อ่านเล่นเป็นกับแกล้ม เปิดเพลงสากลยุค 60 เบาๆไม่อยากเว้าเลยว่าเรามาอยู่ในยุคไหนกันแล้วนี่  ต่อจากก็ไปดูการแข่งเรือยาวในแม่น้ำน่านบรรยากาศคึกคักตั้งแต่เริ่มมาถึง เสียงกองเชียร์โหมโรงตั้งแต่เรือยังไม่เริ่มแข่งขัน เพลงบุญแข่งเรือแม่ย่านางของวงซูซู เปิดลั่นสนั่นแม่น้ำสร้างความฮึกโหมแก่เหล่าบรรดาฝีพายชายฉกรรจ์ยิ่งนัก และทันทีที่การแข่งขันเริ่มขึ้น

นักพากษ์เรือแข่งพูดน้ำไหลไฟดับจนฟังแทบไม่ทัน ไม่รู้ได้หายใจบ้างหรือเปล่า การแข่งเรือยาว จ.น่านได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนสร้างเสริมสุขภาพหรือสสส.ครับ มีจุดมุ่งหมายให้คนไทยมีสุขภาพ ปัญญา สังคมที่ดีโดยเงินสนับสนุนได้มาจากการเก็บภาษีสุรายาสูบนั้นแหละ จากนั้นไปไห้วพระธุาตแช่แห้ง พระธาตุคู่บ้านคู่เมือง จ.น่าน บรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่ได้มาจากกรุงสุโขทัย พระธาตุอายุ 600 ปี สร้างโดยพระยาการเมือง วัดสุดท้ายที่เราไปรู้จักคือวัดมิ่งเมือง ตั้งอยู่ถนนสุริยพงศ์เป็นที่ประดิษฐานเสาหลักเมืองของจ.น่าน เดิมเป็นวัดร้าง มีเสาหลักเมืองเป็นท่อนซุงขนาด 2 คนโอบพบที่ซากวิหาร เมื่อราวปี 2400 มาเมืองน่านดูแต่วัด วันพรุ่งนี้จะพาขึ้นเขาไปชมธรรมชาติครับ

หยุดเวลาไว้ที่น่าน(2)...วันนี้เราตื่นแต่เช้าตรู่ ลงมาใส่บาตรหน้าโรงแรมน่านฟ้าที่เราพัก

ซึ่งพระสงฆ์เดินผ่านมาพอดี เลยซื้อข้าวเหนียวกับหมูย่างทำบุญครับ พระสวดและให้พรเป็นภาษาเหนือ ฟังไม่เข้าใจ แต่มีความสุข เมืองน่านเงียบสงบดีน่ะ รถราก็ไม่มาก มีร้านเซเว่นฯไม่กี่แห่งตั้งอยู่ในย่านชุมชน พอสายๆ เราเช็ดเอาท์ออกจากโรงแรม

เตรียมเดินทางต่อไปที่อุทยานแห่งชาติดอยภูคาแล้วไปนอนที่อ.บ่อเกลือ ซึ่งใช้เวลาเดินทางหลายชั่วโมง แวะหลายจุด โดยใช้เส้นทางผ่าน อ.สันติสุข ถนนสายนี้โหดน้องๆ ถนนปาย-แม่มาลัยไปจ.แม่ฮ่องสอน มีขึ้นเขา ลาดชัน คดเคี้ยว ทางโค้งเยอะโชดดีที่เราได้คนขับรถตู้ในจ.น่าน ซึ่งชินกับเส้นทาง เลยไม่ค่อยห่วงเรื่องความปลอดภัย ภูเขาในจ.น่าน ส่วนใหญ่เป็นเขาหัวโล้นครับ ไม่ค่อยมีป่าไม้ปกคลุม ถูกถากถางทำไร่เกือบหมด ที่เหลืออยู่ก็เป็นป่าในอุทยานแห่งชาติดอยภูคา จัดว่ามีป่าอุดมสมบูรณ์ที่สุดในแถบนี้ มีเนื้อประมาณ 1,065,000 ไร่ ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ 8 อำเภอ ของจังหวัดน่าน คือ อ.ปัว อ.ท่าวังผา อ.อเฉลิมพระเกียรติ อ.ทุ่งช้าง อ.เชียงกลาง อ.สันติสุข อ.แม่จริม และอ.บ่อเกลือ ครอบคลุมบริเวณเทือกเข าดอยภูคา มีจุดสูงสุดคือยอดดอยภูคาที่สูง 1,980 เมตร จากระดับน้ำทะเล 

เราแวะที่ทำการอุทยานฯซื้อโอโชนกระป๋องดอยภูคามา1อันเป็นของฝาก นอกจากนี้ยังมีดอกชมพูภูคาซึ่งเป็นพันธุ์ไม้หายากและมีแห่งเดียวที่นี้ เคยมีคนคิดเอาไปปลูกเป็นไม้ประดับหน้าบ้าน แต่ปลูกเท่าไรก็ไม่ขึ้นสักที จนในที่สุดต้องเลิกรา ระหว่างทางเจอต้นชมพูภูคาต้นหนึ่งกำลังออกดอกชูช่อสวยงาม เลยถ่ายรูปเป็นที่ระลึก สมเป็นช้างเผือกในป่าจริงๆ นอกจากนี้ในอุทยานแห่งชาติดอยภูคายังมีต้นเต่าร้างยักษ์ ป่าดึกดำบรรพ์ ซึ่งไม่รู้หน้าตาเป็นอย่างไรถ้ามีโอกาสจะแวะไปดูครับ เราผ่านภูเขาสลับซับซ้อนไม่นานก็มาถึงอ.บ่อเกลือ อำเภอเล็กๆภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นทิวเขาสูงสลับซับซ้อน   มีชื่อเสียงในด้านการทำเกลือสินเธาว์บนภูเขา ปัจจุบันยังมีการต้มเกลือด้วยวิธีแบบโบราณ เราเลยไปเยี่ยมชมให้เห็นกับตา เจ้าของบ่อเกลือตักน้ำเกลือจากบ่อผ่านมาตามลำไม้ไผ่สู่บ่อพัก ตัดมาต้มในกะทะนาน 4-5ชั่วโมง ให้น้ำระเหยไป จากนั้นก็จะได้ผลึกเกลือ ก็นำไม้พายมาตักใส่ตะกร้าแขวนไว้เหนือกะทะ ให้น้ำเกลือไหลลงมาใส่กะทะทำจนน้ำในกะทะแห้งหมด ก็ได้เกลือสินเธาว์ตามต้องการ ที่อ.บ่อเกลือเราพักที่อิ่มสุข ณ บ่อเกลือรีสอร์ท บ้านพักติดลำธาร ก็ให้บรรยากาศแบบท้องทุ่งเมืองน่านแหละครับ เงียบสงบพบแต่รอยยิ้มของคนพื้นเมืองนั่นเอง

 

Visitors: 344,228