งานบวชนาคมหาโหด ชัยภูมิ
เสน่ห์ลึกๆของชัยภูมิ....แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆของการมาเยือน จ.ชัยภูมิ
แต่ในความรู้สึกของเรา แล้ว เมืองนี้มีเสน่ห์ล้ำลึก ผู้คนยิ้มง่าย เป็นมิตรไปทั่วหัวระแหง ในตัวเมืองเงียบสงบ สำเนียงการพูดของคนชัยภูมิคำลงท้ายจะลากเสียงยาวต่างจากภาษาอีสานทั่วไป มาถึงชัยภูมิสิ่งแรกที่ทำคือ ไปไห้วศาลเจ้าพ่อพระยาแล ขอพรจากท่าน เจ้าพ่อพระยาแลถือเป็นเจ้าเมืองคนแรกของเมืองชัยภูมิ พื้นเพท่านอพยพมาจากประเทศลาวมาสร้างบ้านแปลงเมืองอยู่ภายใต้โพธิสมภารพระเจ้าแผ่นดินสยามต่อมา ได้ถูกแต่งตั้งเป็นพระยาชุมพลภักดี แล้วขยับเป็นเจ้าเมืองในที่สุด อากาศในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ ค่อนข้างดีครับ เนื่องจากไม่มีโรงงานมาปล่อยควันพิษ หายใจโล่งสบายจมูก ในขณะพื้นที่รอบนอกเต็มไปด้วยป่าเขา นาไร่ มีโอโซนสะอาด พอๆกับวังน้ำเขียว มีข้าราชการบำนาญ และนักธุรกิจหลายราย มาปักหลักใช้ชีวิตในบั้นปลายอยู่ที่จ.ชัยภูมิ บางคนซื้อที่ทำการเกษตร ส่วนนักธุรกิจก็ดำเนินชีวิตแบบเรียบง่าย หรือไม่ก็ดำเนินธุรกิจต่อยอดช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่ ด้วยการเพิ่มผลิตผลทางการเกษตรในรูปแบบต่างๆ เช่น การผลิตปุ๋ยจากฟางข้าว เพื่อลดฝุ่นp.m.2.5 ในหน้าแล้ง รวมทั้งการนำโดรนและวิศวกรจากประเทศจีน เข้ามาฝึกสอนให้เกษตรกรได้เรียนรู้ การใช้งานในป่าเขาซึ่งการพ่นปุ๋ยที่ผ่านมาถือเป็นอุปสักอย่างใหญ่หลวงของชาวไร่ ทั้งนี้ คุณสุรพัฒน์ หมื่นศรีรัชต์ หรือคุณม่อน คนเล็กแต่ใจโต อดีตผู้ช่วยฑูตประเทศมาเลเซียนั้นเอง คุณม่อนพาเราไปเยี่ยมโรงงานปุ๋ยที่จ.นครราชีมา ดูการผลิตปุ๋ยเป็นขั้นตอนซึ่งรับซื้อวัตถุดิบ(ฟางข้าว)มาจากชาวบ้าน แล้วเอาไปคลุกผสมกับส่วนอื่นๆอีกหลายอย่าง ก่อนจะนำไปหมัก และส่งขายในราคาชาวบ้าน ที่ตัวเมืองชัยภูมิ เราพักที่โรงแรมนาแคร์ โรงแรมเปิดใหม่สูง 6 ชั้น ในโรงแรมมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน รวมถึงสระว่ายน้ำขนาดย่อมให้ผ่อนคลายแก่แขกผู้มาพัก เช้าวันใหม่ อาหารเช้าเราอุ่นท้องด้วยข้าวต้มทรงเครื่อง และชา กาแฟ จากนั้นเดินทางต่อไปที่ อ.ภูเขียว ดูการแห่นาคโหด ที่บ้านโนนทันและบ้านเสลา ระยะทางกว่า 90 กิโลเมตร จากตัวเมือง ระหว่างทางเราแวะทานข้าวร้านระเบียงนา คาเฟ่ ร้านนี้ตั้งอยู่กลางทุ่งนา ที่หน้าร้านจะมีหุ่นควายตัวโตๆ.หน้าตาทึมๆยืนต้อนรับลูกค้า เมนูอาหารมื้อนั้นเราสั่งเต็มเปี่ยม มีทั้งอาหารอีสานผสมอาหารญี่ปุ่น และฝรั่ง มีตำถาด ต้มยำทะเล หอยโข่งจิ้มแจ่ว ลาภหมู ปลาแซลมอลจิ้มวาชาบิ ห่อหมกหน่อไม้ ทอดมัน กินจนกะเพาะปั่นป่วนแยกไม่ออกว่าจะย่อยอาหารชนิดไหนก่อนดี ตูงงน่ะเนี่ย เมื่ออิ่มแล้วเราเดินทางต่อ ไม่นานก็มาถึงที่หมาย หมู่บ้านโนนทันและโนนเสลา เป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่ บรรยากาศในหมู่บ้านคึกคักครื้นเครง หนุ่มสาวไปวัดตั้งแต่เช้า พอบ่ายๆ ตั้งขบวนแห่นาค โดยให้นาคนั่งอยู่บนแคร่ไม้ไผ่ แห่ตามกันไป ปีนี้มีนาคทั้งหมด 7 ท่าน รถแห่.7 คัน สร้างความครื้นเครงให้กับขบวนรำฟ้อน ระหว่างแห่นาคจะถูกคนหามกลั่นแกล้งเจ็บๆให้ตกจากแคร่ ทั้งโยกซ้ายโยกขวา กระแทกกระทั้นรุนแรง หวังจะให้นาคตกจากแคร่ ซึ่งเป็นการพิสูจน์สมาธิ และความตั้งใจของนาคก่อนเข้าสู่ร่มเงาสาวพัสต์ เราเองก็ถือโอกาสทำบุญ รำฟ้อนไปกับเขาด้วย นับว่าเป็นขบวนแห่นาคพิศดาร ที่ให้ทั้งสนุก มีความสุข ..แก่ผู้มาร่วมงานเลยทีเดียว