แพชาวดง น้ำตกห้วยขมิ้น

คอลัมน์"เที่ยวท่อง ล่องสบาย"

โดยนายวรพจน์ เที่ยงตรง

พาไปสัมผัสกับบรรยากาศที่เกิดจากธรรมชาติจริงๆทั้งสายนำ้ ความหนาวเย็นของเมฆหมอกและผืนน้ำแห่งเขื่อนศรีนคนินทร์ จังหวัดกาญจนบุรี สถานที่แห่งนี้คือ แพชาวดง ที่เคยโด่งดังสุดขีดเมื่อกว่า20ปีที่แลุ้ว ตั้งอยู่เหนือสุดของเขื่อนศรีนครินทร์ ใครอยากมีชีวิตเรียบง่ายคือแทบจะจับดาวมาอยู่ในอ้อมกอดบอกคำเดียวที่ แพชาวดง พร้อมให้สุดชีวิตและลมปราณ

 

เดินป่ากับแพชาวดง(1)....

เช้าวันหนึ่งเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นที่บ้าน "พจน์ไปเที่ยวแพชาวดงมั้ย พี่งบเจ้าของแพ เขาชวนและอยากให้คุณไปด้วย เขาขอคำตอบภายในอาทิตย์นี้ "ผมเช็คเวลาเห็นว่าว่างเลยตอบตกลงคุณเสือไปคุณเสือกับเราเป็นเพื่อนชี้ปึกกันมาหลายปี ตั้งแต่จบมหาวิทยาลัยใหม่ๆ จบแล้วสมัครนักข่าวหนังสือพิมพ์โดยอยู่คนละค่าย ซึ่งเมื่อ 30 ปีที่แล้วเป็นอาชีพที่ฮิต คนจบนิเทศน์ศาสตร์หรือสื่อสารมวลชนต่างมุ่งหวังมาสะพายกล้องถือไมค์จ่อปากนักการเมือง และคนดังทั้งหลายมองดูเท่ห์มีอิสระจะสัมภาษณ์ใครก็ได้ตามกระแสสังคมต้องการ อีกทั้งเงินเดือนพออยู่ได้เริ่มแรกเราทำข่าวอาชกรรม เจอแต่คนตาย ไฟไหม้น้ำท่วม คนฆ่ากันนึกเบื่อ ต่อมาย้ายทำข่าวการเมือง ข่าวเศรษฐกิจ พอเริ่มแก่ตัวอายุ40 ปีก็มาทำข่าวท่องเที่ยวได้เดินทางหากำไลชีวิตจนเกษียณก็สนุกดีครับ เคยคิดเหมือนกันว่าจะเขียนชีวิตการเดินทางลงในหนังสือขาย กล้วขาดทุนไม่มีคนอ่าน เพราะคนสมัยนี้เขาดูยูทูป ไม่อ่านหนังสือกันแล้ว เรานัดเดินทางไปแพชาวดงวันเสาาร์เช้าเจอกันหน้าสภ.ตลิ่งชัน โดยพี่งบเอารภตู้มารับมีคุณเสือมาด้วยมีเรารวมเป็น4คนพร้อมกับคนขับ สำหรับแพชาวดง ตั้งอยู่ที่เขื่อนศรีนครินทร์ต.ท่ากระดาน อ.ศรีสวัสดิ์จ.กาญจนบุรี เดิมชื่อเขื่อนเจ้าเณรเป็นเขื่อนเอนกประสงค์เพื่อพัฒนาลุ่มน้ำแม่กลองครับ จากกรุงเทพฯถึงเมืองกาญฯใช้เวลาเดินทางเกือบ 2 ชั่วโมง ถึงตัวเมืองแวะทานข้าวราดแกงป่าซึ่งเป็นอาหารประจำเมืองกาญจนบุรีมีขายทุกแห่งหากินง่าย รสชาติเผ็ดจัดจ้านจากส่วนผสมของกระชายและพริกกระเหรี่ยงคนไม่เคยทานเป็นต้องเป่าปากกันเลย เหงื่อท่วมตัว จากตัวเมืองมาถึงเขื่อนใช้เวลาอีก 30 นาทีจากนั้นเปลี่ยนถ่ายสิ่งของไปลงเรือที่จอดรออยู่หน้าเขื่อนพร้อมกับนักท่องเที่ยวของแพชาวดงประมาณ15คน น้ำในเขื่อนศรีนครินทร์กว้างใหญ่มาก บริเวณเหนือเขื่อนเต็มไปด้วยเรือนแพรูปทรงต่างๆมากมายให้คนมาพักผ่อน หรือตกปลา ในช่วงวันหยุดบรรยากาศเรือนแพเหล่านี้คึกคักครับมีเสียงเพลงเสียงกีต้าร์ร้องรำทำเพลงตลอด โดยเฉพาะกลางคืนมีไฟแสงสีจัดงานเลี้ยงแก่ลูกค้า เรือแพชาวดงพาเราออกจากท่าบริเวณหัวเขื่อนมุ่งสู่แพชาวดง บนเรือมีบริการอาหารเที่ยงคือ ส้มตำผัดหมี่ ต้มยำกุ้งให้ลูกค้าทานด้วยหลังจากนั้นก็พาแวะชมน้ำตกห้วยขมิ้นต้นน้ำมาจากเทือกเขากะลาซึ่งเป็นป่าดิบเขาแล้งทางทิศตะวันออกของอุทยานแห่งชาติศรีนครินทร์ มีทั้งหมด7ชั้น มีดงว่าน ม่านขมิ้น วังน่าผา ฉัตรแก้วไหลจนหลง ดงผีเสื้อ และร่มเกล้า แต่ละชั้นสวยงามแตกต่างกัน ไหลสู่ลงเขื่อน บริเวณหน้าน้ำตกมีลานหญ้าให้นักท่องเที่ยวกางเต้นท์นอนดูดาวและฟังเสียงน้ำตก เมื่อได้เวลาพอสมควรเราก็เดินทางต่อสู่แพชาวดง แพในตำนานของคนรักธรรมชาติที่แท้จริง

เดินป่ากับแพชาวดง(2)...

เรือนำเที่ยวพาเราออกจากท่าน้ำตกห้วยแม่ขมิ้นฝ่าทะเลน้ำจืดที่กว้างใหญ่ของเขื่อนศรีนครินทร์ แล้วเลาะไปตามซอกเขา ป่าไผ่ ผ่านคุ้งน้ำที่ไม่กว้างนัก บริเวณเชิงเขาด้านหน้ามีเรือนแพตั้งอยู่เรียงราย เราผ่านแพน้ำโจนอ้อมเขาไปอีกฟากหนึ่ง ไม่นานก็มาถึงจุดหมาย แพชาวดงเป็นเรือนแพขนาดใหญ่หลังคามุงด้วยหญ้าคา ห้อมล้อมด้วยธรรมชาติป่าเขาเงียบสงบ เมื่อมาถึงพนักงานแพก็ได้ลำเลียงสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภคจากเรือไปไว้บนแพ พร้อมจัดเตรียมอาหารค่ำส่วนเราและเพื่อนร่วมทางนักท่องเที่ยวที่มาด้วยต่างหิ้วกระเป๋าไปไว้ในห้องพัก ก่อนจะออกมานั่งชมบรรยากาศโดยรอบ แพชาวดงในสมัยเมื่อ20ปีที่แล้ว ถือว่าอยู่ในดงป่าจริงๆครับ รถเข้าไม่ถึง ต้องอาศัยนั่งเรือเท่านั้น บนแพไม่มีไฟฟ้าไม่มีน้ำประปา มีแต่น้ำในเขื่อนและไฟปั่นให้ความสว่างในยามค่ำคืน ส่วนน้ำดื่มขนมาจากข้างนอก ผู้ที่มาแพชาวดงจึงเป็นผู้รักธรรมชาติ ปฏิเสธเสียงอึกทึกคึกโครมความวุ่นวายของสังคมมาอยู่ในที่ใจปราถนา วันแรกที่มาถึงเราอาบน้ำพลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าทานข้าวแล้วออกมานั่งดูปลาหางแดงเวียนว่ายไปมาอยู่ข้างแพ น้ำในเขื่อนศรีนครินทร์ใสสะอาดครับบางคนก็สวมเสื้อชูชีพลงเล่นน้ำส่งเสียงเจียวแจ้ว  ตกกลางคืน อากาศเย็น มีการก่อกองไฟย่างปลาชะโดตัวโตที่ทางเจ้าของแพให้เป็นกำนัลแก่แขกผู้มาพัก ส่วนผู้ชอบเสียงเพลงก็คว้ากีต้าร์โปร่งขึ้นมาดีตร้องเบาๆแข่งกับเสียงจักจั่นเรไรที่รอดออกมาจากป่าข้างเคียง เช้าวันต่อมาทุกคนบนแพตื่นนอนพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมายออกมาสูดโอโชนพร้อมกับยืดแข้งยือขาออกกำลังรับแสงแดดรุ่งอรุณวันใหม่หรือไม่ก็นั่งจิบกาแฟนมองเพื่อน พอสายหน่อยก็ร่วมกิจกรรมนั่งแพไม้ไผ่ชมวิว มีเรือหางยาวลากจูงเลื้อยเลาะไปตามคุ้งน้ำ ผ่านน้ำตกคริสตี้ที่ไหลไปตามชั้นหิน ผ่านเรือนแพรูปทรงแปลกตาของเจ้าอื่น ผ่านภูผาป่าดงรวมเป็นระยะทางกว่า 1กิโลเมตรก่อนจะไปหยุดที่ธารน้ำไหลชายฝั่งข้างหน้า ทุกคนลงจากแพจากนั้นพากันเดินป่าไปตามเส้นทางน้ำที่เต็มไปด้วยโขดหินตะบุ่มตะปำและรากไม้ การเดินป่าเหนือเขื่อนนครินทร์ไม่ได้ง่าย แถมอากาศก็ร้อนต้องพักเหนื่อยเป็นครั้งครา ระหว่างทางเราพบชาวบ้านซึ่งเป็นชาวกะเหรี่ยงคอยดักยิงปลาเวียนเป็นระยะ ธารน้ำไหลมีชุกชุมมากโดยเฉพาะตรงแอ่งน้ำปลาจะอยู่รวมกันเป็นกลุ่มเพื่อรอผสมพันธุ์หรือวางไข่ มีวงจรชีวิตเหมือนปลาแซลมอนในประเทศแถบสะแกนดิเนเวียซึ่งปลาแซลมอนจะว่ายทวนน้ำไหลไปว่างไข่ในป่าลึกจนเป็นเหยื่อให้หมีจับกินในที่สุด ปลาเวียนรูปร่างคล้ายปลาตะเพียนและปลายี่สกครับ ทั้งนี้ในสายตาของเราป่าไม้เหนือเขื่อนศรีนครินทร์ถือว่ามีความสมบูรณ์มาก เมื่อเดินลึกเข้าไปยิ่งน่ากลัวเงียบวังเวงนานๆจะมีฝรั่งขี้นกแบกเป้สะพายกล้องเดินสวนกับเรา แสดงว่าฝรั่งก็ชอบเดินป่าเมืองกาญฯ เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงเราทุกคนก็ได้ยินเสียงน้ำไหลดังแต่ไกลพอเข้าไปใกล้เป็นน้ำไหลมาจากปากถ้ำนี้เอง ชาวบ้านเลยเรียกว่าถ้ำธารน้ำลอด เราจึงถือโอกาสถ่ายภาพกับฝรั่งผู้มาพิซิตถ้ำแห่งนี้เพื่อให้รู้ว่า ยูกับไอ ก็ใส่ใจการเดินป่า

 

Visitors: 344,347