หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร

99สุดยอดพระเกจิ วันนี้จะขอนำเกียรติประวัติ ของพระเกจิผู้มากด้วยเมตตา เนื้อนาบุญของพระพุทธศาสนา นามว่า หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร

หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร องค์ท่านเป็นทายาทธรรมใน “องค์หลวงปู่แหวน สุจิณโณ”

และได้รับข้ออรรถข้อธรรม จากพ่อแม่ครูอาจารย์ แห่งวงศ์พระกรรมฐานรุ่นใหญ่ ในอดีตอีกหลายรูป อาทิ หลวงปู่ชอบ ฐานสโม ,หลวงปู่คำดี ปภาโส ,หลวงปู่สิม พุทธาจาโร , หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ , พระอาจารย์วัน อุตโม , หลวงปู่จันทา ถาวโร , หลวงปุ่คำพอง ติสโส และเป็นสหธรรมมิกรุ่นน้อง หลวงปู่ท่อน ญาณธโร ,หลวงปู่บุญเพ็ง กัปปโก ร่วมถึงมีความคุ้นเคยเป็นอย่างดีกับ หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญฺญมากโร วัดป่าหมู่ใหม่ จ.เชียงใหม่ เพราะได้เคยออกธุดงค์ร่วมกัน หลายครั้งในสมัยอดีต

สถานะเดิมท่านนั้น ถือกำเนิดมาจากครอบครัวคนไทยเชื้อสายจีน ที่มีฐานะปานกลาง ที่ต้องหาเช้ากินค่ำ และเป็นครอบครัวที่มีลูกมาก

องค์ท่านมีนามเดิมว่า “บุญส่ง” เกิดในสกุล “จำลองรักษ์” เรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ (ซึ่งถือว่าสูงสุดในสมัยนั้น) ถือกำเนิดในวันพุธที่ ๓๑ มีนาคม พ.ศ.๒๔๘๐ หรือวันแรม ๔ ค่ำ เดือน ๕ ปีฉลู (ซึ่งเป็นวันสิ้นปีตามปฏิทินไทย – ข้อมูลตามใบสุทธิ) ณ โรงพยาบาลศิริราช ต.ศิริราช อ.บางกอกน้อย จ.ธนบุรี (ในสมัยนั้น) ปัจจุบันคือ แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ

หลวงปู่บุญส่ง เป็นบุตรคนที่ ๒ จากพี่น้องทั้งหมด ๑๒ คน โดยองค์ท่านเป็นลูกชายคนแรกของครอบครัว บิดาชื่อ นายกิมเส่ง จำลองรักษ์ มารดาชื่อ นางจำลอง จำลองรักษ์ โดยพื้นเพเดิมของครอบครัว เป็นคน จ.ฉะเชิงเทรา อาศัยอยู่บริเวณคลองเชื่อมแม่น้ำสองสาย คือ แม่น้ำเจ้าพระยาตรงพระโขนง กับแม่น้ำบางปะกงตรงท่าถั่ว ในปัจจุบัน คือ ประตูน้ำท่าถั่ว โดยโยมบิดา – มารดาท่าน ประกอบอาชีพเดินเรือ ระหว่างแม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำบางปะกง จึงทำให้ชีวิตส่วนใหญ่ ของครอบครัวองค์ท่านนั้น มักอยู่บนผืนน้ำและลำเรือ

หลวงปู่ท่านได้ปรารภว่า ช่วงปฐมวัยในวัยประมาณกำลังซน ท่านนั่งเล่นอยู่ในเรือสินค้า เกิดพลัดตกลงไปในแม่น้ำบางปะกง ขณะเรือถึงช่วงระยะของห้วงน้ำที่มีน้ำวน โดยไม่มีใครเห็น เมื่อบิดามารดา ท่านสังเกตุว่าท่านเงียบไปนาน จึงได้มองหาในเรือ แต่ไม่พบ คิดว่าตกน้ำแน่แล้ว จึงเดินไปทางข้างลำเรือ คิดว่าท่านไม่รอดแล้วแน่ โยมบิดามารดาท่านต้องตกตะลึง เมื่อเห็นหลวงปู่ลอยละเลียดน้ำ ขนาบอยู่ข้างลำเรืออย่างน่าอัศจรรย์ ผิวขององค์ท่านขาวเมื่อต้องกับแสงจันทร์ ซึ่งนั่นถือเป็นเหตุการณ์ครั้งแรก ที่แสดงถึงความเป็นผู้มีบุญของท่าน

ส่วนชีวิตในวัยรุ่นของท่านนั้น องค์ท่านปรารภว่า เคยปั่นสามล้อรับจ้างหน้าวัดหลวงพ่อโสธร เคยขายปลา เป็นกระเป๋ารถเมล์ ขับรถขนดินทำทางสายปัตตานี-นราธิวาส เดินสายชกมวย รวมถึงเป็นหัวหน้าชุดรักษาความปลอดภัย คุมไร่แห่งหนึ่งทางภาคเหนือ องค์ท่านถือกำเนิดเกิดมาจากบ้าน ที่มีลูกมากและยากจน ผ่านการต่อสู้ชีวิต ที่มีทั้งทางผิดและถูกก่อนการบวช แม้บวชแล้วก็ยังต้องต่อสู้กับความอดอยาก ไม่มีแม้แต่คนจะใส่บาตรให้ฉัน หลวงปู่ท่านทำทุกอย่าง ผ่านอะไรมาหลายอย่างเกินกว่าที่ใครจะคาดคิด ท่านเห็นถึงความทุกข์ในชีวิต ของฆราวาสมากมาย

จนถึงอายุ ๒๙ ปี ท่านจึงคิดว่านี่ไม่ใช่วิถีทางสำหรับท่าน จึงคิดออกอุปสมบท โดยท่านคิดว่า จะบวชสัก ๕ ปี แล้วจะสึกออกมามีครอบครัว ถ้าศาสนาไม่มีอะไรให้ท่าน ได้เห็นถึงสัจธรรมของชีวิต ก็จะสึกออกมา ท่านปรารภเช่นนี้ แต่ด้วยธรรมบันดาลท่านมีบุญบารมี และมีวาสนามาแต่ปางก่อน หลวงปู่ได้ค้นพบเจอขุมสมบัติ ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทำให้ท่านได้เป็นเนื้อนาบุญ ของศาสนาจนถึงทุกวันนี้

หลวงปู่บุญส่งอุปสมบท ในวันเสาร์ที่ ๑๕ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๑๐ หรือ ขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๘ ปีมะแม เวลา ๐๙.๓๘ น. (ตามปฏิทินไทย-ข้อมูลตามใบสุทธิ) ขณะมีอายุ ๓๐ ปี ณ พัทธสีมา วัดตรีรัตนาราม (ธ) ต.เชิงเนิน อ.เมือง จ.ระยอง โดยมี พระวรพรตปัญญาจารย์ หรือ หลวงปู่แฟ้ม อภิรโต วัดป่าอรัญญิกาวาส (วัดป่า) ต.บ้านสวน อ.เมือง จ.ชลบุรี เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูสรพาจน์พิไล เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระปลัดเฉี่ยง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับนามฉายาว่า “ฐิตสาโร” แปลได้ความว่า “ผู้มีความเห็นตรงตามธรรมวินัย“

หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร ท่านเคยไปอยู่ศึกษากับ หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ รวมถึงได้รับข้ออรรถข้อธรรมจากพ่อแม่ครูอาจารย์ แห่งวงศ์พระกรรมฐานรุ่นใหญ่ ในอดีตอีกหลายรูป อาทิ

หลวงปู่คำดี ปภาโส วัดถ้ำผาปู่ จ.เลย

หลวงปู่ศรีจันทร์ วัณณาโภ วัดเลยหลง จ.เลย

หลวงปู่ชอบ ฐานสโม วัดป่าสัมมานุสรณ์ จ.เลย

หลวงปู่หลุย จันทสาโร วัดถ้ำผาบิ้ง จ.เลย

หลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล จ.หนองบัวลำภู

หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ วัดป่านิโครธาราม จ.อุดรธานี

พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ วัดภูทอก จ.บึงกาฬ

หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี วัดหินหมากเป้ง จ.หนองคาย

หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ วัดอรัญญบรรพต จ.หนองคาย

หลวงปู่สิม พุทธาจาโร วัดถ้ำผาปล่อง จ.เชียงใหม่

หลวงปู่หล้า เขมปัตโต วัดบรรพตคีรี(ภูจ้อก้อ) จ.มุกดาหาร

หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน วัดบ้านตาด จ.อุดรธานี

หลวงปู่จันทา ถาวโร วัดป่าเขาน้อย จ.พิจิตร

หลวงปู่คำพอง ติสโส วัดถ้ำกกดู่ จ.อุดรธานี

พระอาจารย์วัน อุตตโม วัดถ้ำอภัยดำรงธรรม หรือ ถ้ำพวง จ.สกลนคร

(โดยพระอาจารย์วันรูปนี้ มาช่วยหลวงปู่บุญส่งในนิมิต คราวที่องค์ท่านอาพาธหนักจวนเจียน เข้าใกล้ความตายมากที่สุด แต่ก็สามารถรอดพ้นหัตถ์ของพญามัจจุราชมาได้ ก็ด้วยความเมตตาของท่านพระอาจารย์วัน ที่ครั้งนั้นได้มาช่วยหลวงปู่บุญส่ง ในนิมิตจนรอดพ้นจากพิษไข้ ทั้งที่ไม่เคยเจอกันมาก่อน)

เบื้องต้นถือได้ว่าเป็นพ่อแม่ครูอาจารย์ ยุคปัจจุบัน ที่มีความคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี กับหลวงปู่บุญส่ง ซึ่งต่างเคยพบกัน คราวธุดงค์เมื่อครั้งอดีต

สำหรับพ่อแม่ครูอาจารย์ที่หลวงปู่บุญส่ง ได้เคยรับข้ออรรถข้อธรรมมานั้น องค์ท่านได้ปรารภว่า…

“หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง จเชียงใหม่ ถือเป็นพ่อแม่ครูอาจารย์ ที่ท่านประทับใจมากที่สุด”

โดยหลวงปู่บุญส่งท่านมักกล่าวอยู่เสมอว่า

“สมัยอยู่กับหลวงปู่แหวน เป็นช่วงที่อบอุ่นที่สุด พระทุกรูปที่อยู่จะต้องแย่งกันรับใช้หลวงปู่แหวน เช่น ต้มน้ำร้อน ซักผ้าสบงจีวร และ อื่นๆ โดยไม่เกี่ยงว่าอันนี้หน้าที่ใคร เพราะมีแต่แย่งกันทำ เอาบุญ”

หลังจากออกจาริกธุดงค์ ไปตามป่าเขาลำเนาไพร เพื่อฝึกตนและเพื่อกราบครูบาอาจารย์แล้ว ท่านก็ได้เดินทางมาจำพรรษา ที่วัดสันติวนาราม (เขาน้ำตก) อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี ซึ่งแต่เดิมเป็นสำนักสงฆ์เล็กๆ เป็นสถานที่ที่ หลวงปู่ชอบ ฐานสโม ,หลวงปู่สิม พุทธาจาโร ,หลวงปู่จันทา ถาวโร ,หลวงปู่ท่อน ญาณธโร ,หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร รวมถึงพ่อแม่ครูอาจารย์อีกหลายรูป แห่งวงศ์พระกรรมฐานเมื่อครั้งอดีต ได้เคยเดินทางมาโปรด

องค์ท่านได้ปรารภให้ฟังว่า การที่มาสร้างวัดเขาน้ำตก(วัดสันติวนาราม)นี้ ท่านต้องเผชิญกับความอดอยากฉันข้าวเปล่าเป็นปี ๆ

แต่ต้องทนเพราะพระธรรมผุดขึ้นมาว่า.. “เส้นทางสู่มรรคผลนิพพานไม่ได้สบาย” “ไม่ได้โรบด้วยกลีบกุหลาบ” และที่สำคัญที่สุดคือ ท่านผ่านพ้นหัตถ์แห่งมัจจุราช มาแบบหวุดหวิด

“เราเองได้ผ่านพ้นความตายมาได้ วันนั้นคนร้ายได้ยืนอยู่ห่างเราเมตรเศษ แล้วกระหน่ำยิงด้วยปืนอาร์ก้าชุดใหญ่”

องค์ท่านเองได้ยกมือห้ามไว้ แต่อนิจจาไม่ทันเสียแล้ว ท่านได้ดำรงสติตั้งมั่นในช่วงเวลานั้น โดยปรากฎว่ากระสุนปืนได้วิ่งผ่านนิ้วท่าน และหน้าของท่านไป ท่านปรารภว่า..

“รู้สึกได้ว่ากระสุนผ่านหน้า และผ่าร่องนิ้วของเราไป เพราะลมที่ปะทะกับเสียงดังฟ้าว”

หลวงปู่บุญส่งเองท่านไม่ได้ต้องการ เป็นข่าวอะไรใหญ่โตในสมัยนั้น เพราะท่านกลัวญาติโยม จะแห่มากวนท่าน ให้เป็นเกจิอาจารย์ เป่าน้ำมนต์ พ่นน้ำหมาก ขากเสลด จนไม่มีเวลาปฏิบัติธรรม หลวงปู่บุญส่ง ได้อบรมพระเณร ให้อยู่ในพระธรรมวินัยมาโดยตลอด โดยมักให้ข้อคิดเตือนสติ พระ เณรเสมอ ๆ ว่า..

“เราบวชมา เราต้องปฏิบัติภาวนา ไม่เอาเปรียบญาติโยม ผู้ให้ข้าวให้น้ำ ไม่ได้บวชมานั่งมานอน บวชเล่นบวชเรียน บวชต้องปฏิบัติ คนมาทำบุญที่นี่ต้องได้ผลบุญเต็ม เราต้องภาวนาแผ่เมตตา ปฏิบัติให้เค้าอย่างเต็มที่”

ด้วยความที่หลวงปู่บุญส่ง ท่านเคยผ่านชีวิตในเพศฆราวาส ผจญทุกข์เห็นทุกข์รู้เหตุแห่งทุกข์ในชิวิต ของมนุษย์มาหลากหลายมากมาย ทำให้ท่านมีความเข้าใจในชีวิตของคน ของสัตว์อย่างลึกซึ้ง

ธรรมะคำสอนของหลวงปู่ จึงเป็นธรรมะที่เน้นให้นำไปปฏิบัติ ในหลักของชีวิตเป็นพื้นฐาน นำไปปฏิบัติใช้ได้ในชีวิตประจำวัน ควบคู่ไปกับการงาน เข้าใจได้ง่าย ๆ เป็นพื้นฐานสำคัญ ธรรมะหลวงปู่บุญส่ง จึงเป็นธรรมะดับทุกข์ให้แก่สาธุชน ที่มาขอความเมตตา ขอพึ่งใบบุญ จากองค์ท่านได้อย่างแท้จริง

หลวงปู่บุญส่งท่านปิดตัวจากโลกภายนอก มาอย่างยาวนาน โดยเพิ่งเปิดตัวมาสู่สาธาณะชน เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา หลังมีดำริที่จะสร้างมหาอุโบสถอุโบสถจตุรมุข ที่มีขนาดพื้นที่กว่า ๕ ไร่ ให้สาธุชนได้ประกอบเหตุ ร่วมบุญ สร้างกุศลกัน

ขอขอบคุณ เฟสบุ๊ค คณะศิษย์ หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร วัดสันติวนาราม อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี

ข่าวโดยไผ่ บ่อไร่

Visitors: 587,933